วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560


บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่   5 


วันพุธ ที่  8  กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560


เนื้อหาการเรียนการสอน

              วันนี้ใครมาก่อนก็ไปเอาตัวปั๊มมาปั๊มเพื่อเป็นการเช็กชื่อว่ามาเรียนเหมือนทุกๆครั้ง ระหว่างรอเพื่อนๆที่ยังไม่มา อาจารย์ก็พูดคุยกับนักศึกษาเรื่องที่ไปสัมมานาดูงานที่โคราชว่าอาจารย์ได้ไปดูงานเกี่ยวกับอะไรบ้างเพื่อรอเพื่อนๆมาให้ครบก่อน เพื่อที่จะเริ่้มเข้าสู่เนื้อหาการเรียนการสอน


ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Children with Learning Disabilities)

- เรียกย่อ ๆ ว่า L.D. (Learning Disability)
- เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เฉพาะอย่าง
- ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กที่มีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย

สาเหตุของ LD
- ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ไม่สามารถถอดรหัสตัวอักษรออกมาได้ (เชื่อมโยงภาพ ตัวอักษรเข้ากับเสียงไม่ได้)
- กรรมพันธุ์

1. ด้านการอ่าน  (Reading Disorder)
- หนังสือช้า ต้องสะกดทีละคำ
- อ่านออกเสียงไม่ชัด ออกเสียงผิด หรืออาจข้ามคำที่อ่านไม่ได้ไปเลย
- ไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน หรือจับใจความสำคัญไม่ได้
ตัวอย่างการอ่าน
เด็กปกติ                         เด็ก LD เป็นแค่บางคนไม่ได้เป็นทุกคน
หาว *************************** หาม/หา
ง่วง *************************** ม่วม/ม่ง/ง่ง
เลย*************************** เล
อาหาร *********************** อาหา
เก้าอี้ *************************  อี้
อรัญ ************************* อะรัย

ลักษณะของเด็ก LD ด้านการอ่าน
- อ่านช้า อ่านคำต่อคำ ต้องสะกดคำจึงจะอ่านได้
- อ่านออกเสียงไม่ชัดเจน
- เดาคำเวลาอ่าน
- อ่านข้าม อ่านเพิ่มคำ อ่านผิดประโยคหรือผิดตำแหน่ง
- อ่านโดยไม่เน้นคำ หรือเน้นข้อความบางตอน
- ผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ได้
- ไม่รู้ความหมายของเรื่องที่อ่าน
- เล่าเรื่องที่อ่านไม่ได้ จับใจความสำคัญไม่ได้

อาจารย์ขออาสาสมัครออกมาอ่านคำที่อาจารย์เตรียมมาให้เพื่อนๆฟัง








2. ด้านการเขียน  (Writing Disorder)
- เขียนตัวหนังสือผิด สับสนเรื่องการม้วนหัวอักษร เช่น จาก ม เป็น น หรือจาก ภ เป็น ถ เป็นต้น
- เขียนตามการออกเสียง เช่น ประเภท เขียนเป็น ประเพด
- เขียนสลับ เช่น สถิติ เขียนเป็น สติถิ

ลักษณะของเด็ก LD ด้านการเขียน
- ลากเส้นวนๆ ไม่รู้ว่าจะม้วนหัวเข้าในหรือออกนอก ขีดวนๆ ซ้ำๆ
- เรียงลำดับอักษรผิด เช่น สถิติ เป็น สติถิ
- เขียนพยัญชนะหรือตัวเลขสลับกัน เช่น ม-นภ-ถด-คพ-ผ, b-d, p-q, 6-9
- เขียนพยัญชนะ ก-ฮ ไม่ได้ แต่บอกให้เขียนเป็นตัวๆได้
- เขียนพยัญชนะ หรือ ตัวเลขกลับด้าน คล้ายมองจากกระจกเงา
- เขียนคำตามตัวสะกด เช่น เกษตร เป็น กะเสด
- จับดินสอหรือปากกาแน่นมาก
- สะกดคำผิด โดยเฉพาะคำพ้องเสียง ตัวสะกดแม่เดียวกัน ตัวการันต์
- เขียนหนังสือช้าเพราะกลัวสะกดผิด
- เขียนไม่ตรงบรรทัด ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากัน ไม่เว้นขอบ ไม่เว้นช่องไฟ
- ลบบ่อยๆ เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง

ตัวอย่างการเขียน
เด็ก LD เป็นแค่บางคนไม่ได้เป็นทุกคน          เด็กปกติ
ปาลแผล ****************************************** บาดแผล
รัมระบาล ***************************************** รัฐบาล
ผีเสื้อมดุร ***************************************** ผีเสื้อสมุทร
ไกรรง ********************************************* กรรไกร
เกสรกะ ******************************************* เกษตร
ดักทุก ********************************************* บรรทุก
เสรฐ ********************************************** สำเร็จ
ไอระ ********************************************** อะไร
เชิย *********************************************** เชย
โบณาร ******************************************* โบราณ
นาสือ ******************************************** หนังสือ
ละเมย ******************************************* ละเมอ

3. ด้านการคิดคำนวณ  (Mathematic Disorder)
- ตัวเลขผิดลำดับ
- ไม่เข้าใจเรื่องการทดเลขหรือการยืมเลขเวลาทำการบวกหรือลบ
- ไม่เข้าหลักเลขหน่วย สิบ ร้อย
- แก้โจทย์ปัญหาเลขไม่ได้

ตัวอย่างการคิดเลขของเด็กปกติและเด็ก LD 16+8 = 14

เด็กปกติ                 เด็ก LD
1                             1
16                           16
    +                             +
  8                             8
14                          114

4. หลายๆ ด้านร่วมกัน
อาการที่มักเกิดร่วมกับ LD

*    แยกแยะขนาดสีและรูปร่างไม่ออก
*    มีปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา
*    เขียน/อ่านตัวอักษรสลับซ้าย-ขวา
*    งุ่มง่ามการประสานงานของกล้ามเนื้อไม่ดี
*     การประสานงานของสายตา-กล้ามเนื้อไม่ดี
*     สมาธิไม่ดี (เด็ก LD ร้อยละ 15-20 มีสมาธิสั้น ADHD ร่วมด้วย)
*    เขียนตามแบบไม่ค่อยได้
*    ทำงานช้า
*    การวางแผนงานและจัดระบบไม่ดี
*   ฟังคำสั่งสับสน
*  คิดแบบนามธรรมหรือคิดแก้ปัญหาไม่ค่อยดี
*   ความคิดสับสนไม่เป็นขั้นตอน
*  ความจำระยะสั้น/ยาวไม่ดี
*   ถนัดซ้ายหรือถนัดทั้งซ้ายและขวา
*  ทำงานสับสนไม่เป็นขั้นตอน

ออทิสติก (Autistic)



- หรือ ออทิซึ่ม (Autism)
- เด็กที่ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น
- ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม
- เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง
- ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต

"ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว" 

* ทักษะภาษา
* ทักษะทางสังคม
* ทักษะการเคลื่อนไหว
* ทักษะการรับรู้เกี่ยวกับรูปทรง ขนาดและพื้นที่

ลักษณะของเด็กออทิสติก
- อยู่ในโลกของตนเอง
- ไม่เข้าไปหาใครเพื่อให้ปลอบใจ
- ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
- ไม่ยอมพูด
- เคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ

ตัวอย่าง
เด็กปกติ                                      เด็กออทิศติก
ดูหน้าแม่ ******************************** ไม่มองตา
หันไปตามเสียง ************************* เหมือนหูหนวก
เรียนรู้คำพูดเพิ่มเติม ******************** เคยพูดได้ต่อมาหยุดพูด
ร้องเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าใกล้ ********* ไม่สนใจคนรอบข้าง
จำหน้าแม่ได้ *************************** จำคนไม่ได้
เปลี่ยนของเล่น ************************* นั่งเล่นอย่างใดอย่างหนึ่ง
เคลื่อนไหวอย่างมีจุดมุ่งหมาย ********** มีพฤติกรรมแปลชก
สำรวจและเล่นตุ๊กตา ******************* ดมหรือเลียตุ๊กตา
ชอบความสุขและกลัวความเจ็บ ******** ไม่รู้สึกเจ็บปวด ชอบทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนอื่นโดยไม่มีสาเหตุ

เกณฑ์การวินิจฉัยออทิสติกองค์การอนามัยโลกและสมาคมจิตแพทย์อเมริกา
ความผิดปกติของปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างน้อย 2 ข้อ
- ไม่สามารถใช้ภาษาท่าทางสื่อสารทางสังคมกับบุคคลอื่น
- ไม่สามารถสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลให้เหมาะสมตามวัย
- ขาดความสามารถในการแสวงหาการมีกิจกรรม ความสนใจ และความสนุก สนานร่วมกับผู้อื่น
- ขาดทักษะการสื่อสารทางสังคมและทางอารมณ์กับบุคคลอื่น

ความผิดปกติด้านการสื่อสารอย่างน้อย 1 ข้อ
- มีความล่าช้าหรือไม่มีการพัฒนาในด้านภาษาพูด
- ในรายที่สามารถพูดได้แล้วแต่ไม่สามารถที่จะเริ่มต้นบทสนทนาหรือโต้ตอบบทสนทนากับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
- พูดซ้ำๆ หรือมีรูปแบบจำกัดในการใช้ภาษา เพื่อสื่อสารหรือส่งเสียงไม่เป็นภาษาอย่างไม่เหมาะสม
- ไม่สามารถเล่นสมมุติหรือเล่นลอกตามจินตนาการได้เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ

มีพฤติกรรม ความสนใจ และกิจกรรมที่ซ้ำๆ และจำกัด อย่างน้อย 1 ข้อ
- มีความสนใจที่ซ้ำๆ อย่างผิดปกติ
- มีกิจวัตรประจำวันหรือกฎเกณฑ์ที่ต้องทำโดยไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ถึงแม้ว่ากิจวัตรหรือกฎเกณฑ์นั้นจะไม่มีประโยชน์
- มีการเคลื่อนไหวร่างกายซ้ำๆ
- สนใจเพียงบางส่วนของวัตถุ

พฤติกรมการทำซ้ำ
- นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมือนานเป็นชั่วโมง
- นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน
- วิ่งเข้าห้องนี้ไปห้องโน้น
- ไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม
พบความผิดปกติอย่างน้อย 1 ด้าน (ก่อนอายุ 3 ขวบ)
- ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
- การใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมาย
- การเล่นสมมติหรือการเล่นตามจินตนาการ
ไม่สามารถวินิจฉัยให้เข้าข่ายโรคใดๆได้
ออทิสติกเทียม
1.       ปล่อยให้เป็นพี่เลี้ยงดูแลหรืออยู่กับผู้สูงอายุ
2.       ปล่อยให้ลูกอยู่กับไอแพด
3.       ดูการ์ตูนในทีวี
Autistic Savant
- กลุ่มที่คิดด้วยภาพ (visual thinker) จะใช้การการคิดแบบอุปนัย (bottom up thinking)
- กลุ่มที่คิดโดยไม่ใช้ภาพ (music, math and memory thinker) จะใช้การคิดแบบนิรนัย (top down thinking)

ตัวอย่าง

1.Iris Grace ชอบอยู่คนเดียวไม่เอาใคร ชอบการวาดภาพมาก เวลาน้องวาดภาพจะมีแมวคอยอยู่เป็นเพื่อนตลอด



2.Daniel Tammet  เก่งในด้านการคำนวณเลขและการจำโดยการใช้สี






3.Kim Peek เก่งด้านการจำการอ่าน จำอะไรได้ทุกอย่างสามารถบอกได้ว่าประโยคไหนอยู่หน้าไหนได้หมด อ่านหนังสือพร้อมกันได้ 2 หน้าพร้อมกัน



4.Tony Deblois เก่งด้านดนตรีเล่นได้หมดโดยไม่ต้องฝึก



5.Alonzo Clemons เก่งในด้านแกะสลักเวลาเห็นอะไรที่เป็นภาพจริงสามารถแกะได้หมด



6.Stephen Wiltshire สามารถวาดเมืองได้หมดทุกอย่าง โดยแค่นั่งเครื่องบินชมรอบเมืองนั้นๆแค่ครั้งเดียวก็สามารถวาดได้ทั้งเมือง



การนำความรู้เอาไปประยุกต็ใช้

         ได้ความรู้เกี่ยวกับเด็กพิเศษมากขึ้น สามารถนำความรู้ที่ได้เรียนมาเอามาปรับใช้สอนเด็กที่มีความต้องการพิเศษได้จริง และได้ความรู้ในเรื่องต่่างๆของเด็กพิเศามากขึ้น


ประเมินผล

ประเมินตนเอง
          แต่งกายมาเรียนสุภาพเรียบร้อย มาตรงต่อเวลา ตั้งใจฟังขณะที่อาจารย์สอน ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมอย่างเต็มที่

ประเมินเพื่อน
          เพื่อนๆแต่งกายมาเรียนสุภาพเรียบร้อย ส่วนมากจะมาตรงต่อเวลา ตั้งใจเรียนกันทึุกคน ให้ความร่วมือในการทำกิจกรรมอย่างเต็มที่

ประเมินอาจารย์ 
           อาจารย์แต่งกายมาสอนสุภาพเรียบร้อย พูดจาไพเราะและเป็นกันเองมาก มาตรงต่อเวลา และทบทวนสอนสิ่งที่นักศึกษาไม่ค่อยเข้าใจสอนให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น    




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น